npub1qgeag
1w ago
สมมติว่าเราทำงานหาเงินมาได้ก้อนหนึ่งอย่างสุจริต
และอยู่ดีๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาพูดกับเราว่า
“ถ้าคุณใช้เงินก้อนนั้นซื้อของภายในวันนี้ เราจะทำไม่อะไรกับเงินของคุณ
แต่ถ้าคุณใช้เงินก้อนนั้นซื้อของในอีก 1 เดือนหน้า คุณจะต้องจ่ายค่าปรับให้เรา 0.5% ของเงินก้อนนั้น
แต่ถ้าคุณยังมัวชักช้าและใช้เงินก้อนนั้นซื้อของในอีก 1 ปีหน้า คุณจะต้องจ่ายค่าปรับให้เรา 6% ของเงินก้อนนั้น”
คุณคิดว่าพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้เข้าข่าย “พฤติกรรมมาเฟีย” หรือไม่?
คำตอบคือ "ใช่สุดๆ"
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การพิมพ์เงินของรัฐบาลก็ไม่ต่างอะไรกับ “พฤติกรรมมาเฟีย” ข้างต้นเลยครับ!
เพราะยิ่งพิมพ์เงินเท่าไหร่ เงินก็จะยิ่งเฟ้อ
และยิ่งเงินเฟ้อเท่าไหร่ เงินแต่ละบาทของเราก็จะซื้อของได้น้อยลงเรื่อยๆ
พูดง่ายๆก็คือ การพิมพ์เงินของรัฐบาลมันคือการที่รัฐบาลเข้ามา “เก็บค่าปรับ” เรา เวลาที่เราถือเงินสดไว้เฉยๆนั่นเอง!
ถ้านี่ไม่เรียกว่าเป็น “พฤติกรรมมาเฟีย” ผมก็ไม่รู้ว่าเรียกมันว่ายังไงแล้วครับ!
#siamstr
และอยู่ดีๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาพูดกับเราว่า
“ถ้าคุณใช้เงินก้อนนั้นซื้อของภายในวันนี้ เราจะทำไม่อะไรกับเงินของคุณ
แต่ถ้าคุณใช้เงินก้อนนั้นซื้อของในอีก 1 เดือนหน้า คุณจะต้องจ่ายค่าปรับให้เรา 0.5% ของเงินก้อนนั้น
แต่ถ้าคุณยังมัวชักช้าและใช้เงินก้อนนั้นซื้อของในอีก 1 ปีหน้า คุณจะต้องจ่ายค่าปรับให้เรา 6% ของเงินก้อนนั้น”
คุณคิดว่าพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้เข้าข่าย “พฤติกรรมมาเฟีย” หรือไม่?
คำตอบคือ "ใช่สุดๆ"
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การพิมพ์เงินของรัฐบาลก็ไม่ต่างอะไรกับ “พฤติกรรมมาเฟีย” ข้างต้นเลยครับ!
เพราะยิ่งพิมพ์เงินเท่าไหร่ เงินก็จะยิ่งเฟ้อ
และยิ่งเงินเฟ้อเท่าไหร่ เงินแต่ละบาทของเราก็จะซื้อของได้น้อยลงเรื่อยๆ
พูดง่ายๆก็คือ การพิมพ์เงินของรัฐบาลมันคือการที่รัฐบาลเข้ามา “เก็บค่าปรับ” เรา เวลาที่เราถือเงินสดไว้เฉยๆนั่นเอง!
ถ้านี่ไม่เรียกว่าเป็น “พฤติกรรมมาเฟีย” ผมก็ไม่รู้ว่าเรียกมันว่ายังไงแล้วครับ!
#siamstr
See translation
0
0
0
0
0
No comments
Nobody commented on this